News

ตลาดจับตา “รัสเซีย-ประชุมอีซีบี-เงินเฟ้อสหรัฐฯ” หนุนเงินบาทแข็งค่า

แบงก์ประเมินกรอบเงินบาท 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ จับตาสงครามรัสเซียและยูเครน-ประชุมอีซีบี-ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนก.พ. ชี้ ราคาทองคำแตะ 1,975 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เห็นแรงเทขายทำกำไร พยุงเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่า หลังตลาดปิดรับความเสี่ยง

วันที่ 6 มีนาคม 2565 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 7-11 มีนาคม 65) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.40-32.90 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องติดตามยังคงเป็นสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนว่าจะมีมาตรการคว่ำบาตรรุนแรงเพิ่มมากขึ้นขนาดไหน ซึ่งจะทำให้ตลาดปิดรับความเสี่ยง ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้

นอกจากนี้ ปัจจัยที่เป็นไฮไลท์จะเป็นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (อีซีบี) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ซึ่งตลาดจะรอดูโทนว่าอีซีบีจะสื่อสารต่อสถานการณ์สงครามอย่างไรบ้าง ซึ่งจะมีผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงิน รวมถึงค่าเงินยูโรด้วย

ขณะเดียวกัน จะมีตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.ของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะออกมาสูงที่ระดับ 8% โดยตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้ แต่การปรับขึ้นอาจจะเปลี่ยนคาดการณ์จาก 7 ครั้งลงมาเหลือ 4-5 ครั้งแทน โดยภาพรวมยังคงทำให้เงินสกุลดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่

“คีย์สำคัญจะเป็นการประชุมอีซีบี แต่ตลาดยังคงเป็น Risk off แม้ว่าจะมีเงินไหลเข้ามาจากไทย Re-Opening แต่ก็มีเรื่องของราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,950-1,975 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีแรงเทขายทำกำไร จึงช่วยลดการอ่อนค่าจากตลาดปิดรับความเสี่ยงและบรรยาการจากสงครามรัสเซีย”

สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นมีแรงซื้อสุทธิราว 1.5 หมื่นล้านบาท และตลาดพันธบัตร (บอนด์) แรงเทขายสุทธิ 2.04 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เทขายบอนด์ตัวสั้นเพื่อทำกำไร เนื่องจากคนไม่รีบซื้อเพราะมองว่าสงครามยังมีความไม่แน่นอนสูง ส่งผลให้กรอบเงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาแกว่งค่อนข้างกว้างวิ่งราว 20-30 สตางค์

“ฟันด์โฟลว์สัปดาห์หน้าเงินบาทน่าจะยังคงไหลเข้าได้ตามตลาดเอเซีย โดยมองว่าหุ้นน่าจะมีแรงเข้ามากกว่าขาย ส่วนบอนด์อาจเห็นตัวสั้นมีแรงขายเพื่อทำกำไร ทำให้โฟลว์ในส่วนบอนด์มี out flow ในหลักหมื่นได้”

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน และราคาน้ำมัน โดยในวันที่ 10 มี.ค.นี้ จะมีตัวเลขสำคัญชิ้นสุดท้ายก่อนประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คือ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ.ของสหรัฐฯ โดยตลาดคาด 7.9%

ทั้งนี้ ภาพใหญ่ในส่วนของกระแสเงินทุนยังไหลเข้าไทย โดยในลักษณะหลุมหลบภัยสงคราม ส่งผลให้ค่าเงินบาทได้แรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้า รวมถึงการที่จีนพิจารณาแนวทางผ่อนปรนนโยบาย Zero Covid ซึ่งสร้างความหวังว่าไทยจะได้กลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้

“จะเห็นว่าค่าเงินบาทในระหว่างวัน ค่าเงินบาท จะผันผวนตามกระแสข่าวรัสเซียยูเครน และจากท่าทีล่าสุดของเฟด คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ แต่ตลาดจะรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้เงินบาทยังแข็งค่าสุดในภูมิภาคได้ โดยต้องระวังผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกต่อเศรษฐกิจไทยเช่นกัน”

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance

You may also like...