News

หุ้นไทยภาคบ่าย ปิดตลาด 1,645.06 จุด ลบ -5.96 จุด หรือ -0.36%

การซื้อขายหลักทรัพย์ภาคบ่ายวันศุกร์ (19 พ.ย. 64) เวลา 17.00 น. ดัชนีปิดที่ระดับ 1,645.06 จุด ปรับลดลง -5.96 จุด หรือ -0.36% มูลค่าการซื้อ-ขายทั้งสิ้น 102,896.81 ล้านบาท

5 อันดับ หลักทรัพย์ซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ที่มีการซื้อขายสูงสุด คือ SCB ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง -6.00 บาท,TRUE ปิดที่ 4.32 บาท ลดลง -0.06 บาท, EA ปิดที่ 78.25 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท, KBANK ปิดที่ 146.50 บาท ลดลง -2.50 บาท และ BBL ปิดที่ 125.50 บาท ลดลง -2.50 บาท

credit https://www.bangkokbiznews.com/news/972914

“บิ๊กตู่”ถกหอการค้าสหรัฐ สร้างเชื่อมั่นนักลงทุนขอปชช.ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ

นายกฯ ถกหอการค้าสหรัฐ เร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ยันเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง รัฐบาลมีเสถียรภาพ โรดแมปชัดเจน ขอคนไทยร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ
เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เมื่อวาน (18 พ.ย.) ผมได้ร่วมประชุมผ่านระบบ video conference กับประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (American Chamber of Commerce in Thailand : AMCHAM) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและนักธุรกิจบริษัทสมาชิก เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โอกาสทางธุรกิจ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุนในอนาคต ภายใต้ความท้าทายของโลก ที่มีทั้งวิกฤตโควิดและภาวะโลกร้อน ซึ่งทุกประเทศกำลังเผชิญอยู่ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงบริบทของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีดิจิทัลที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง ในทุกมิติ

ในโอกาสนี้ ผมได้สร้างความเชื่อมั่นแก่บรรดานักธุรกิจสหรัฐฯ ว่าเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2564 คาดว่าเป็นไปได้ที่จะขยายตัวได้ถึง ร้อยละ 1.2 และในปี 2565 อาจจะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5 ซึ่งเรากำลังปรับตัวในหลายๆ เรื่อง อาทิ การสร้างระบบนิเวศและพัฒนาโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงและสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทุกคนเข้าถึงได้ รวมทั้งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนวัตกรรม เป็นต้น โดยที่จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนในการประกอบการธุรกิจอยู่เสมอ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งนี้ ในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา

นายกฯกำชับดูแลประชาชนเที่ยวลอยกระทง
รัฐบาลเร่งกระตุ้นปชช.ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นตามเป้า100 ล้านโดส

รัฐบาลไทยก็ได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนและภาคเอกชนหลายด้าน ครอบคลุม ทั้งภาคครัวเรือน แรงงาน และผู้ประกอบการ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ-ค่าน้ำ-ค่าไฟ ผ่านโครงการต่างๆ เช่น คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ ม33เรารักกัน เป็นต้น สำหรับ SMEs ก็เน้นมาตรการด้านการเงิน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs อีกด้วย

ในการพูดคุยกันครั้งนี้ มีผู้ประกอบการหลายร้อยบริษัทเข้าร่วม ซึ่งต่างชื่นชมแนวทาง และวิสัยทัศน์ของรัฐบาล โดยพร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลกอีกด้วย ซึ่งผมได้นำเสนอต่อที่ประชุมในอีกหลายเรื่อง เช่น โมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างสมดุลและยั่งยืน นโยบายพลังงาน 4D1E ในการขับเคลื่อนภาคพลังงานของประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ รวมทั้งนโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าในการพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (electric vehicles : EV) ตลอดห่วงโซ่การผลิต

สิ่งสำคัญที่ผมเห็นว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ได้แก่ ความมีเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งนโยบายรัฐบาลที่ไม่เปลี่ยนไปมาจนสร้างความสับสน โดยมียุทธศาสตร์ชาติระยะยาวที่ชัดเจน เป็นเข็มทิศนำทาง (Roadmap) ให้ทุกภาคส่วนได้มีเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งวันนี้ ผมถือว่าเราตั้งโจทย์ได้ถูกต้อง และเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว ก้าวต่อๆ ไปก็ต้องอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือกันของคนไทยทุกคน ที่จะช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ ตามหลักคิดที่ว่า “พรุ่งนี้…ต้องดีกว่าเมื่อวาน” นะครับ

credit https://www.posttoday.com/politic/news/668607

You may also like...